เฆาะดีรฺในทรรนะของท่านอิมามโคมัยนี
เฆาะดีรฺในทรรนะของท่านอิมามโคมัยนี
0 Vote
View
"ขอความจำเริญแห่งวันอีดนี้ จงประสบแด่ประชาชาติผู้ถูกกดขี่ทั้งหลายฉันไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับท่านอะมีรุลมุอฺมินีนได้ และไม่ว่าเมื่อไหร่ฉันก็ไม่สามารถพูดถึงทัศนะที่กว้างไกลของบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นี้ได้เลย การพูดคุยหรือแสดงทัศนะของเรามันไม่อาจเข้าถึงความเป็นมนุษย์ของท่านได้เลย ท่านเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ (อินซานุลกามิล) และเป็นผู้เปิดเผยบรรดคุณลักษณะต่างๆ และนามที่ประเสริฐของอัลลอฮฺ (ซบ.) วิทยปัญญาของท่านสามารถอรรถาธิบายพระนามเหล่านั้นได้ถึง 1,000 พระนาม แต่เราซิแม้แต่เพียงพระนามเดียวก็ไม่อาจอรรถาธิบายได้ แท้จริงท่านคือศูนย์กลางแห่งภูมิปัญญาซึ่งภารกิจทั้งหลายได้รวมอยู่ในตัวท่าน ไม่มีใครสามารถกล่าวถึงสภาพที่แท้จริงของท่านได้ ดังนั้น เกี่ยวกันเรื่องนี้ สำหรับฉันแล้วรู้ดีว่าเป็นการดีให้นิ่งเงียบเสียดีกว่า แต่ทว่าเรื่องที่ดีที่เราสมควรพูดถึงคือ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่บังเกิดแก่ประชาชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาชีอะฮฺของท่านอะลี ซึ่งประวัติศาสตร์ได้จารึกการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นตั้งแต่แรกเริ่มตลอดจนแผนการต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมเอาไว้ ประวัติศาสตร์ส่วนนั้นได้ถูกย้อนยุคอีกครั้งในสมัยของเรา เฆาะดีรฺคุม ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรที่เกิดขึ้นกับท่านอะลี แต่ทว่าท่านคือที่มาของเฆาะดีรฺคุม การมีอยู่ของท่านคือต้นตอของมูลเหตุทั้งหลายที่ต้องทำให้เกิดเฆาะดีรฺคุม แท้จริงเฆาะดีรฺคุมไม่มีค่าอันใดเลยสำหรับท่านอะลี สิ่งที่มีค่ายิ่งนั้นคือตัวของท่านอะลี เฆาะดีรฺคุมจึงเป็นเพียงผลพวงที่ติดตามคุณค่าของท่านมาเท่านั้น อัลลอฮฺ (ซบ.) ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่งพระองค์ทรงทราบดีว่า ในหมู่ของประชาชาติภายหลังจากท่าน เราะซูล (ซ็อล ฯ) ไม่มีใครสามารถนำเอาความยุติธรรมมาปกครองได้ หากได้เป็นผู้ปกครองเขาก็จะปกครองไปตามความพึงพอใจของตน พระองค์จึงได้มีบัญชามายังท่านเราะซูล (ซ็อล ฯ) ให้แต่งตั้งบุคคลผู้มีคุณสมบัติพร้อม และสามารถดำเนินการปกครองด้วยความยุติธรรมภายใต้รัฐบาลของอัลลอฮฺ (ซบ.) ฉะนั้น การแต่งตั้งผู้ปกครองจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งการแต่งตั้งท่านอะลีนั้นมิได้แต่งตั้งเพราะท่านมีตำแหน่งความรู้แห่งรหัสยะ หากแต่ว่าตำแหน่งนี้ได้ส่งผลให้เกิดเฆาะดีรฺคุม เรื่องนี้มีริวายะฮฺจากสมัยนั้นจวบจนถึงสมัยนี้ยังมีรายงานปรากฏอย่างชัดเจน แต่มิได้เป็นการรายงานที่ว่า เรื่องการปกครองนั้นสลักสำคัญ ท่านอะลีได้กล่าวถึงการปกครองแก่อิบนุอับบาสว่า "แท้จริงสำหรับฉัน การปกครองนั้นไม่ได้มีค่ามากไปกว่ารองเท้าแตะคู่นี้เลยสิ่งที่มีค่าคือ การยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม" ดังนั้น สิ่งที่ท่านอะลีและอะอิมมะฮฺ (อ.) ต้องการคือ การยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่โอกาสไม่เอื้ออำนวย พวกท่านจงทำให้อีดเฆาะดีรฺคุมมีชีวิตชีวา แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ประดับประดาโคมไฟอ่านโคลงกลอนกล่าวแต่สิ่งที่ดี สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำที่ดีแต่มันยังไม่ตรงประเด็น ประเด็นของมันก็คือ เฆาะดีรฺคุม จะต้องเป็นตัวสอนเราว่าเราจะปฏิบัติตามเฆาะดีรฺคุมอย่างไร เฆาะดีรจะต้องสอนเราว่าเฆาะดีรฺคุมไม่ได้จำกัดเวลาอยู่แค่สมัยนั้น แต่ต้องปรากฏทุกยุคทุกสมัย แนวทางและแบบอย่างของอะลีที่ได้ดำเนินการปกครองคือ แบบอย่างของเราที่ต้องเข้าไปให้ถึง เฆาะดีรฺคุมคือ เรื่องราวเกี่ยวกับการแต่งตั้งวิลายะฮฺ ซึ่งไม่ได้ถูกแต่งตั้งเพราะท่านอยู่ในตำแหน่งรหัสยะ แต่ทว่าเพราะการมีตำแหน่งนี้นั่นเองท่านจึงต้องถูกแต่งตั้งให้เป็นวิลายะฮฺ ด้วยเหตุนี้ เราจะเห็นได้ว่า นมาซ ศีลอดและสิ่งอื่นๆ ถูกนำออกมาและถูกดำเนินไปโดยวิลายะฮฺ ซึ่งวิลายะฮฺในฮะดีซและอัล-กุรอานนั้นหมายถึง อำนาจการปกครองมิใช่อำนาจแห่งรหัสยะ การปกครองนั้นเปรียบประดุจเป็นการเมืองในความหมายของการเมืองที่แท้จริง อัลลอฮฺ (ซบ.) จึงได้มีบัญชามายังท่านเราะซุล (ซ็อล ฯ) ให้ทำการแต่งตั้งท่านอะลีขึ้นเป็นผู้ปกครอง วันเฆาะดีรฺคุม จึงเป็นวันที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่ออะลี (ริวายะฮฺได้กล่าวว่า อิสลามตั้งอยู่บนพื้นฐาน 5 ประการ) หนึ่งในนั้นคือ วิลายะฮฺอันหมายถึงอำนาจการปกครอง แต่จะเห็นได้ว่า เฉพาะท่านอะลีและอิมามฮะซัน (อ.) เท่านั้นที่ได้ปกครอง ในช่วงเวลาเพียงเล็กน้อย ส่วนอะอิมมะฮฺที่เหลือไม่ได้ปกครองเลย เนื่องจากเหตุผลทางการเมืองและการเยื้อแย้งตำแหน่ง ซึ่งในความเป็นจริงการที่อัลลอฮฺ (ซบ) ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นผู้ปกครองได้รวมไปถึงอะอิมมะฮฺท่านอื่นๆ ด้วย เพียงแต่ทรราชไม่ได้เปิดโอกาสให้การปกครองนั้นออกผล ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺ (ซบ.) จึงสถาปนาการปกครองขึ้นเพื่ออะลีและการปกครองนั้นคือการเมือง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในยุคนั้นและยุคต่างๆ มาไม่ว่าจะเป็นยุคคุลาฟาฮฺอะมะวี หรืออับบาซียฺ (ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับการปกครอง) พวกเขาพยายามพูดว่าศาสนาคือ เรื่องหนึ่งและการเมืองและการปกครองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จนกระทั่งประชาชนเข้าใจว่าศาสนา (ดีน) คือเรื่องของการสักการะ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและการปกครอง การเมืองเป็นของขนชั้นผู้ปกครอง จักรพรรดิ และกษัตริย์ แต่ในความเป็นจริงก็คือ อัลลอฮฺ เราะซุล และอะลีนั้นเป็นผู้ปกครอง (ตามความหมายของโองการที่ ๕๕ ซูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ) สำหรับการปกครองคือ การดำเนินการเมือง การปกครองไม่ได้หมายถึง การนั่งอ่านดุอาอฺ นมาซ และถือศีลอด แต่การปกครองที่ยุติธรรมคือสาเหตุที่ทำให้สิ่งเหล่านี้ยืนหยัด และตัวของมันคือศูนย์กลางของการเมือง ฉะนั้น พวกที่พูดว่าศาสนา (ดีน) กับการเมืองนั้นแยกจากกัน จึงเป็นการโกหกใส่อัลลอฮฺ (ซบ.) เราะซุล (ซ็อล ฯ) และอะอิมมะฮฺ (อ.) เสียงแห่งเฆาะดีรฺคุมดังขึ้นเพื่อสิ่งนี้ เฆาะดีรฺคุมมีคุณค่าและเกียรติยศ ซึ่งเกียรติยศของเฆาะดีรคือ การยืนหยัดแห่งอำนาจวิลายะฮฺ อันหมายถึงการดำเนินการปกครองโดยผู้ทรงสิทธิ์ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นปัญหาและอุปสรรคนานาประการจะไม่เกิดขึ้น ความแปลกแยกและหลงผิดจะถูกขจัดออกไป ถ้าการปกครองนั้นดำเนินไปด้วยความยุติธรรม และถ้าในอดีตยอมให้อะลี (อ.) ดำเนินการปกครองแน่นอนยิ่ง การหลงผิดจะต้องถูกขจัดไปจนหมดสิ้น การดำเนินชีวิตก็จะดำเนินไปบนความถูกต้อง ฮะดีซก็จะถูกเล่าโดยพวกที่มีความคิด วิชาการจะถูกเผยแพร่ออกมาโดยเหล่าผู้รู้และนักปราชญ์ กฎเกณฑ์และเงื่อนไขจะถูกถ่ายทอดออกจากนักปราชญ์ที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้เอง อิสลามจึงถูกสถาปนาบนพื้นฐาน ๕ ประการ ซึ่งไม่ได้หมายความว่า วิลายะฮฺอยู่ภายในหรือแฝงอยู่ในอีก ๔ ประการ แต่วิลายะฮฺนั้นเป็นหนึ่งในหัวใจของพื้นฐานนั้น และหัวใจของการปกครองไม่ได้มาจากฟุรูอิดีน (หลักปฏิบัติ) ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานแก่อะอิมมะฮฺ ทั้งก่อนเฆาะดีรฺคุมและก่อนทุกสรรพสิ่งนั้นเป็นอีกตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเป็นวิลายะฮฺกุลลิ (อำนาจที่ครอบคุมทั้งหมด) ดังที่ริวายะฮฺ ได้กล่าวว่า "ฮะซันวัลฮุซัยนฺอิมามมิ กอมาเอาเกาะอิดัน" ฮะซันและฮุซัยนฺทั้สองเป็นอิมามทั้งในยามยืนและนั่ง" เมื่อเวลานั่งเราบอกว่าไม่ได้เป็นอิมาม ซึ่งอิมามไม่ได้หมายถึงการปกครอง แต่อิมามในที่นี้เป็นอีกความหมายหนึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในความหมายนั้นก็คือ ถ้าหากผู้ใดปฏิเสธอิมาม แม้ว่าเขาจะทำนมาซอย่างถูกต้องตามรูปแบบของชีอะฮฺ นมาซของเขาก็ถือว่าบาฏิล (โมฆะ) สิ่งนี้นอกเหนือจาการปกครองและไม่ได้แฝงอยู่ในสิ่งอื่น แต่ทว่าหมายถึงหลักอุซูล (รากหลัก) ของศาสนาจำเป็นที่เราต้องศรัทธา ขบวนการแตกแยกและหลงผิดได้เกิดจากการหลงผิดในเรื่องนี้ ซึ่งการหลงผิดนั้นได้ชี้นำเราว่าไมให้เราไปยุ่งกับการเมือง ต่อเมื่อเฆาะดีรฺคุมได้ปรากฏจึงเป็นพยานกับเราว่า การเมืองคือเรื่องของทุกคน การปกครองจำเป็นต้องมีทุกยุคทุกสมัย ด้วยการปกครองที่ยุติธรรม จึงสามารถยืนหยัดนมาซ ถือศีลอด ฮัจญฺ และวิชาการต่างๆ ของอิสลามให้ดำรงสืบไป พวกเราคิดว่าวิลายะฮฺที่อยู่ในสังคมนั้นก็คืออิมามและอิมามก็คือส่วนที่แฝงอยู่ในฟุรูอิดีน ซึ่งหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ วิลายะฮฺที่แท้จริงคือการปกครอง ซึ่งการปกครองคือตัวดำเนินการให้สิ่งเหล่านี้ดำรงอยู่" สุดท้าย ฉันขอพรต่ออัลลอฮฺ (ซบ.) ให้บรรดานักคิดทั้งหลายกลับมาสู่ความคิดที่ถูกต้อง เพื่อเป็นพลังให้กับอิสลามต่อไป....วัสลาม รูฮุลลอฮฺ อัลมุซาวียฺ อัลโคมัยนี